
เมนูอาหารไทย อาหารไทยโบราณ ความอร่อยที่ไม่มีใครเหมือน
เมนูอาหารไทย คือ อาหารที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย อาหารไทย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม และกลิ่นหอมของเครื่องเทศต่างๆ อาหารไทยมีหลากหลายประเภท และมีหลากหลายเมนูให้เลือกรับประทาน แต่ละ เมนูอาหาร ก็มีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมนูอาหารไทยโบราณ จึงเป็นอาหารที่ถูกใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยอาหารไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทย อาหารไทยเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทย อาหารไทยจึงเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไป รับรองว่าหากคุณมีโอกาสได้ ลองรับประทานอาหารไทย แล้ว คุณจะต้องติดใจอย่างแน่นอน
ประวัติของ เมนูอาหารไทย
ประวัติเมนูอาหารไทย เมนูอาหารไทยมีประวัติมาอย่างยาวนานนับพันปี อาหารไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างๆ มากมาย เช่น วัฒนธรรมอินเดีย จีน และมอญ อาหารไทยจึงมีรสชาติที่หลากหลายและเข้มข้น อาหารไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการใช้เครื่องเทศต่างๆ เช่น พริก กระเทียม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง ผักชี และยี่หร่า อาหารไทยมีหลากหลายประเภท เช่น อาหารต้ม อาหารแกง อาหารผัด อาหารทอด อาหารยำ อาหารทอดกรอบ และอาหารคาวหวาน เมนูอาหารไทยสมัยโบราณ นิยมปรุงอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และสมุนไพรต่างๆ
อาหารไทยสมัยโบราณ ยังนิยมปรุงอาหารแบบง่ายๆ โดยเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ อาหารไทยโบราณ มีรสชาติที่เรียบง่าย แต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อาหารไทยสมัยปัจจุบันได้มีการพัฒนาและปรับปรุงรสชาติให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เมนูอาหารไทยสมัยปัจจุบัน ยังได้มีการประยุกต์ใช้วัตถุดิบและวิธีการปรุงอาหารใหม่ๆ อาหารไทยสมัยปัจจุบันจึงมีรสชาติที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
10 เมนูอาหารไทยโบราณ หากินยาก ความอร่อยจากบรรพบุรุษ

ข้าวแช่
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ข้าวแช่ เป็นอาหารไทยโบราณที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญ ข้าวแช่เป็นอาหารที่นิยมรับประทานในช่วงหน้าร้อน ข้าวแช่ทำจากข้าวหอมมะลิที่ขัดจนสุกนุ่ม แล้วแช่ในน้ำลอยดอกมะลิ รับประทานกับเครื่องเคียงต่างๆ เช่น ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ ถั่วฝักยาวผัดหวาน ผักกาดหอม หมูฝอย และอาจาด ข้าวแช่เป็นอาหารที่มีรสชาติที่กลมกล่อม หวานอ่อนๆ จากน้ำตาลปี๊บ หอมกลิ่นดอกมะลิ และเครื่องเคียงต่างๆ ข้าวแช่เป็นอาหารที่นิยมรับประทานในช่วงหน้าร้อน ข้าวแช่เป็นอาหารที่ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ข้าวแช่จึงเป็นอาหารไทยที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
ข้าวแช่มีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน คือ
- ข้าวแช่ : ข้าวแช่ทำจากข้าวหอมมะลิที่ขัดจนสุกนุ่ม แล้วแช่ในน้ำลอยดอกมะลิ น้ำลอยดอกมะลิทำจากดอกมะลิ น้ำเดือด น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ข้าวแช่ที่ดี ควรมีกลิ่นหอมของดอกมะลิและรสชาติที่กลมกล่อม
- เครื่องเคียง : เครื่องเคียงของข้าวแช่มีหลายชนิด เช่น ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ ถั่วฝักยาวผัดหวาน ผักกาดหอม หมูฝอย และอาจาด ลูกกะปิเป็น อาหารว่างพื้นบ้าน ของชาวมอญ ทำจากปลาบดผสมกับกะปิ หอมแดงสอดไส้ทำจากหอมแดงสอดไส้หมูสับ ถั่วฝักยาวผัดหวานทำจากถั่วฝักยาวผัดกับน้ำตาลปี๊บ เกลือ และพริก ผักกาดหอมเป็นผักสดที่รับประทานคู่กับข้าวแช่ หมูฝอยเป็นหมูทอดกรอบที่รับประทานคู่กับข้าวแช่ อาจาดเป็นน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวานที่รับประทานคู่กับข้าวแช่
- น้ำจิ้ม : น้ำจิ้มข้าวแช่ทำจากน้ำมะขามเปียก น้ำส้มสายชู น้ำตาลปี๊บ เกลือ และพริก น้ำจิ้มข้าวแช่ที่ดีควรมีรสชาติที่เปรี้ยวหวาน

แกงระแวงเนื้อ
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
แกงระแวงเนื้อ เป็นอาหารไทยโบราณที่มีต้นกำเนิดมาจากภาคกลางของประเทศไทย มีลักษณะคล้ายกับแกงเขียวหวาน แต่ใส่ขมิ้นลงไปด้วย ทำให้น้ำแกงมีสีเหลืองคล้ายกับแกงกะหรี่ มีรสชาติที่เข้มข้น เผ็ดร้อน กลมกล่อม และหอมกลิ่นเครื่องเทศต่างๆ แกงระแวงเป็นอาหารไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน แต่มีร้านอาหารไทยบางแห่งที่ยังคงให้บริการแกงระแวงอยู่
แกงระแวงเนื้อมีส่วนผสมหลักคือ
- เนื้อวัวหรือเนื้อหมู
- พริกแกงเขียวหวาน
- ขมิ้น
- กะทิ
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- เกลือ
- ใบมะกรูด
- พริกชี้ฟ้าแดง
วิธีทำแกงระแวงเนื้อ
- ล้างเนื้อวัวหรือเนื้อหมูให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- โขลกพริกแกงเขียวหวานกับขมิ้นให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใส่พริกแกงลงไปผัดจนหอม
- ใส่เนื้อวัวหรือเนื้อหมูลงไปผัดจนสุก
- เติมกะทิลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือ
- เคี่ยวจนน้ำแกงข้น ใส่ใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าแดงลงไป
- ยกลงจากเตา พร้อมเสิร์ฟ

แตงโมปลาแห้ง
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
แตงโมปลาแห้ง เป็น อาหารว่าง หรือ ของกินเล่นแบบไทยๆ ที่ทำจากแตงโมและปลาแห้ง แตงโมที่ใช้ต้องเป็นแตงโมเนื้อทราย รสหวานอมเปรี้ยว นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปลาแห้งที่ใช้ต้องเป็นปลาช่อนแดดเดียว นำมาแกะเนื้อออก แล้วโขลกหรือบดให้ละเอียด ใส่น้ำตาลทรายลงไปคลุกให้เข้ากัน แล้วโรยบนแตงโม แตงโมปลาแห้งเป็นอาหารที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากแตงโม และเค็มๆ เผ็ดๆ จากปลาแห้ง แตงโมปลาแห้งจึงนิยมรับประทานเป็นของว่างหรือของกินเล่น ในช่วงหน้าร้อน
วิธีทำแตงโมปลาแห้ง
- ล้างแตงโมให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- แกะเนื้อปลาช่อนแดดเดียวออก แล้วโขลกหรือบดให้ละเอียด
- ใส่น้ำตาลทรายลงไปคลุกให้เข้ากัน
- โรยปลาแห้งที่บดไว้บนแตงโม
- รับประทานเป็นของว่างหรือของกินเล่น

หลนเต้าเจี้ยว
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
หลนเต้าเจี้ยว เป็น อาหารไทยประเภทน้ำพริก มีลักษณะเป็นน้ำพริกที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยวเป็นหลัก นิยมรับประทานกับผักสดต่างๆ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี มะเขือเปราะ ใบชะพลู ฯลฯ หลนเต้าเจี้ยวมีต้นกำเนิดมาจากภาคกลางของประเทศไทย สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา หลนเต้าเจี้ยวเป็นอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นเต้าเจี้ยว และผักสด หลนเต้าเจี้ยวจึงนิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรือกับข้าว
ส่วนผสมของหลนเต้าเจี้ยว
- เต้าเจี้ยวขาว
- หมูสับ
- หอมแดงซอย
- พริกชี้ฟ้าแดง
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลปี๊บ
- เกลือ
วิธีทำหลนเต้าเจี้ยว
- ล้างเต้าเจี้ยวขาวให้สะอาด แล้วโขลกหรือบดให้ละเอียด
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใส่หอมแดงซอยลงไปผัดจนหอม
- ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก
- ใส่เต้าเจี้ยวที่บดไว้ลงไป คนให้เข้ากัน
- ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และเกลือลงไป ปรุงรสตามชอบ
- เคี่ยวจนน้ำพริกข้น ใส่พริกชี้ฟ้าแดงลงไป
- ยกลงจากเตา พร้อมเสิร์ฟกับผักสด

เมี่ยงคำเสียบไม้
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
เมี่ยงคำเสียบไม้ เป็นอาหารว่างหรือของกินเล่นแบบไทยๆ ที่ทำจากใบชะพลู มะพร้าวซอย หอมแดงหั่นเต๋า ขิงหั่นเต๋า มะนาวหั่นเต๋าทั้งเปลือก พริกขี้หนูซอย ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง และน้ำจิ้มเมี่ยงคำ นิยมรับประทานโดยห่อใบชะพลู ใส่ไส้เมี่ยงคำ แล้วเสียบไม้เพื่อรับประทานแบบง่าย ๆ เมี่ยงคำเสียบไม้มีต้นกำเนิดมาจากภาคกลางของประเทศไทย สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมี่ยงคำเสียบไม้เป็นอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร และเครื่องเคียง นิยมรับประทานเป็นของว่างหรือของกินเล่น
ส่วนผสมของเมี่ยงคำเสียบไม้
- ใบชะพลู
- มะพร้าวซอย
- หอมแดงหั่นเต๋า
- ขิงหั่นเต๋า
- มะนาวหั่นเต๋าทั้งเปลือก
- พริกขี้หนูซอย
- ถั่วลิสงคั่ว
- กุ้งแห้ง
- น้ำจิ้มเมี่ยงคำ
วิธีทำเมี่ยงคำเสียบไม้
- เตรียมใบชะพลูให้สะอาด
- ใส่ไส้เมี่ยงคำลงบนใบชะพลู
- ม้วนใบชะพลูให้มิด
- เสียบไม้เพื่อรับประทานแบบง่าย ๆ
- เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเมี่ยงคำ

น้ำพริกลงเรือ
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
น้ำพริกลงเรือ เป็นอาหารไทยประเภทน้ำพริกที่มีต้นกำเนิดมาจากวังสวนสุนันทาในสมัยรัชกาลที่ 5 น้ำพริกลงเรือมีลักษณะเป็นน้ำพริกกะปิที่มีส่วนผสมของมะอึก มะเขือพวง กระเทียมดอง ไข่เค็ม ปลาดุกฟู และหอมแดง นิยมรับประทานกับผักสดต่างๆ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม และผักชีฝรั่ง น้ำพริกลงเรือมีรสชาติที่กลมกล่อม หอมกลิ่นกะปิ มะอึก และมะเขือพวง น้ำพริกลงเรือจึงนิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรือกับข้าว
ส่วนผสมของน้ำพริกลงเรือ
- กะปิ
- กระเทียม
- มะอึก
- มะเขือพวง
- กระเทียมดอง
- ไข่เค็ม
- ปลาดุกฟู
- หอมแดง
วิธีทำน้ำพริกลงเรือ
- โขลกกะปิกับกระเทียมให้เข้ากันจนละเอียด
- ใส่มะอึกและมะเขือพวงลงไปโขลกให้เข้ากัน
- ใส่กระเทียมดองลงไปโขลกให้เข้ากัน
- ใส่ไข่เค็มลงไปโขลกให้เข้ากัน
- ใส่ปลาดุกฟูลงไปคลุกให้เข้ากัน
- ใส่หอมแดงลงไปคลุกให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บและน้ำมะนาว
- พร้อมเสิร์ฟกับผักสด

ปลาดุกย่างพร้อมสะเดาน้ำปลาหวาน
รูปภาพจาก : https://www.youtube.com/
ปลาดุกย่างพร้อมสะเดาน้ำปลาหวาน เป็นอาหารไทยประเภทกับข้าว มีลักษณะเป็นปลาดุกย่างที่เสิร์ฟพร้อมสะเดาน้ำปลาหวาน ปลาดุกย่างมีรสชาติที่หอมกรุ่น นุ่มชุ่มฉ่ำ สะเดาน้ำปลาหวานมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เข้ากันได้ดีกับปลาดุกย่าง ปลาดุกย่างพร้อมสะเดาน้ำปลาหวานเป็นอาหารไทยที่หารับประทานได้ง่ายและได้รับความนิยมอย่างมาก
ส่วนผสมของปลาดุกย่างพร้อมสะเดาน้ำปลาหวาน
- ปลาดุก
- หอมแดง
- กระเทียม
- พริกไทย
- น้ำมันพืช
- สะเดา
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลา
- เกลือ
- ผักชี
วิธีทำปลาดุกย่างพร้อมสะเดาน้ำปลาหวาน
- ล้างปลาดุกให้สะอาด แล้วซับให้แห้ง
- ตำหอมแดง กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน
- ทาส่วนผสมที่ตำไว้ที่ปลาดุกทั้งตัว
- นำไปย่างบนเตาไฟจนสุก
- เตรียมสะเดาน้ำปลาหวานโดยการนำสะเดามาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และเกลือลงไป ปรุงรสตามชอบ
- ใส่สะเดาลงไปคลุกให้เข้ากัน
- โรยผักชีลงไป
- เสิร์ฟปลาดุกย่างพร้อมสะเดาน้ำปลาหวาน

หมูสร่ง
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
หมูสร่ง เป็น เมนูอาหารไทยประเภทของว่าง หรือของกินเล่น มีลักษณะเป็นหมูสับหมักที่พันด้วยเส้นหมี่ซั่ว ทอดจนกรอบ หมูโสร่งมีรสชาติที่หอมกลิ่นรากผักชี กระเทียม และพริกไทย กรอบนอกนุ่มใน หมูสร่งเป็นอาหารไทยที่หารับประทานได้ง่ายและได้รับความนิยมอย่างมาก
ส่วนผสมของหมูสร่ง
- หมูสับ
- รากผักชี
- กระเทียม
- พริกไทย
- ไข่ไก่
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- เส้นหมี่ซั่ว
- น้ำมันพืช
วิธีทำหมูสร่ง
- ตำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน
- ใส่หมูสับลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่ไข่ไก่ น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บลงไป ปรุงรสตามชอบ
- นำมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดพอดีคำ
- พันด้วยเส้นหมี่ซั่วรอบๆ ก้อนหมู
- นำไปทอดในน้ำมันพืชจนกรอบเหลือง
- สะเด็ดน้ำมันออก
- เสิร์ฟหมูโสร่งพร้อมน้ำจิ้มไก่หรือน้ำจิ้มรสเด็ดตามชอบ

ม้าฮ่อ
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ม้าฮ่อ เป็น เมนูอาหารว่าง หรือของกินเล่นแบบไทยๆ ที่ทำจากไส้หมูสับผสมกับน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา นำไปผัดจนสุก โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่วและพริกชี้ฟ้าแดงซอย นิยมรับประทานคู่กับผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรด มะม่วง มะละกอ เป็นต้น ม้าฮ่อมีต้นกำเนิดมาจากชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญ สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเดิมทีม้าฮ่อเป็นขนมเคียงกินแกล้มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด เช่น สับปะรด นิยมทำในเทศกาลงานบุญและเป็นอาหารในพิธีต่างๆ ตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น
ส่วนผสมของม้าฮ่อ
- หมูสับ
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำปลา
- ถั่วลิสงคั่ว
- พริกชี้ฟ้าแดงซอย
วิธีทำม้าฮ่อ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใช้ไฟกลาง ใส่หมูสับลงไปผัดจนสุก
- ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลาลงไป ปรุงรสตามชอบ
- โรยถั่วลิสงคั่วและพริกชี้ฟ้าแดงซอยลงไป
- พร้อมรับประทานคู่กับผลไม้รสเปรี้ยว

แกงรัญจวน
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
แกงรัญจวน เป็น เมนูอาหารไทยประเภทแกง มีลักษณะเป็นแกงน้ำข้นที่มีส่วนผสมของน้ำพริกกะปิ เนื้อสัตว์ (มักใช้เนื้อวัว) สมุนไพร และเครื่องปรุงรสต่างๆ แกงรัญจวนมีรสชาติที่เข้มข้น หอมกลิ่นกะปิและสมุนไพร แกงรัญจวนเป็นอาหารไทยที่มีต้นกำเนิดมาจากชาววัง สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ส่วนผสมของแกงรัญจวน
- เนื้อวัวติดเอ็น
- น้ำพริกกะปิ
- ตะไคร้
- หอมแดง
- พริกขี้หนูสวน
- ใบมะกรูด
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- น้ำมะนาว
- ใบโหระพา
วิธีทำแกงรัญจวน
- ล้างเนื้อวัวให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใช้ไฟกลาง ใส่เนื้อวัวลงไปผัดจนสุก
- ใส่น้ำพริกกะปิลงไปผัดให้เข้ากัน
- ใส่น้ำเปล่าลงไป ต้มจนเดือด
- ใส่ตะไคร้ หอมแดง พริกขี้หนูสวน และใบมะกรูดลงไป
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บและน้ำมะนาว
- ใส่ใบโหระพาลงไป
- พร้อมรับประทาน
ความสำคัญของอาหารไทยโบราณ ที่ควรอนุรักษ์และสืบสาน
- เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม อาหารไทยโบราณเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทยในอดีต การใช้วัตถุดิบท้องถิ่น วิธีการปรุงอาหาร และรสชาติของอาหารไทยโบราณล้วนสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของคนไทย
- เป็นมรดกทางวัฒนธรรม อาหารไทยโบราณเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญ ควรได้รับการอนุรักษ์และสืบสานต่อไป อาหารไทยโบราณเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย เป็นรากฐานของอาหารไทยในปัจจุบัน และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการสร้างสรรค์อาหารไทยใหม่ๆ ในอนาคต
- เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ อาหารไทยโบราณส่วนใหญ่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ อาหารไทยโบราณจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
- เป็นอาหารที่น่ารับประทาน อาหารไทยโบราณมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม น่ารับประทาน อาหารไทยโบราณจึงเป็นที่นิยมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
ปัจจุบัน อาหารไทยโบราณเริ่มหารับประทานได้ยากขึ้น เนื่องจากความนิยมในอาหารไทยสมัยใหม่ แต่ยังมี ร้านอาหารไทยโบราณ บางแห่งที่ยังคงรักษาสูตรอาหารและวิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมไว้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานอาหารไทยโบราณต่อไป
#เมนูอาหารไทย #เมนูอาหารไทยโบราณ #อาหารไทย #อาหารไทยโบราณ #แนะนำเมนูอาหารไทย #รีวิวเมนูอาหารไทยโบราณ #เมนูอาหารไทยต้นตำหรับ #ประวัติเมนูอาหารไทย #เมนูอาหารไทยสมัยก่อน #ร้านอาหารไทยโบราณ #สูตรทำเมนูอาหารไทย #10เมนูอาหารไทย #เมนูอาหารไทยทำง่ายๆ #วิธีทำอาหารไทย #เมนูอาหารไทยแท้ #เมนูอาหารไทยสมัยโบราณ #เมนูอาหารไทยน่ากิน #เมนูอาหารไทยอร่อยๆ #เมนูอาหารไทยยอดนิยม