เมนูอาหารอีสาน อร่อยเด็ดจนต้องบอกต่อ
เมนูอาหารอีสาน คืออาหารที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นที่นิยมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อาหารอีสาน มักจะมีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว และเค็ม โดยใช้ส่วนผสมหลายอย่าง เช่น เนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ หรือ เนื้อปลา รวมถึงผักสด เช่น มะเขือพวง สะตอ และผักกาดขาว และเครื่องเทศที่สำคัญอาจรวมถึงพริกขี้หนู กระเทียม และใบมะกรูด นอกจากนี้ เมนูอีสาน ยังรวมไปถึงยำ ตำ และสุกี้ ที่มีรสชาติเด็ดขาดและเสน่ห์เฉพาะที่สร้างขึ้นจากการผสมผสานของส่วนผสมต่าง ๆ อย่างลงตัว อาหารอีสานเป็นที่รู้จักและนิยมทั่วไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากรสชาติที่เข้มข้นและเสน่ห์ของมัน
ความเป็นมาของ เมนูอาหารอีสาน ต้นกำเนิดของความแซ่บ
อาหารอีสานมีประวัติความเป็นมายาวนาน สันนิษฐานว่าสืบทอดมาจาก อาหารพื้นบ้านของชาวไท-ลาว ที่ได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ อาหารอีสานขึ้นชื่อเรื่องความแซ่บ เผ็ดร้อน และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก อาหารของภาคอีสาน มีวิวัฒนาการมาตามกาลเวลา โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ดินอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำลำธารไหลผ่านมากมาย จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชผัก จึงเป็นที่มาของวัตถุดิบหลักในอาหารอีสาน ได้แก่ ข้าวเหนียว ปลาร้า น้ำปลา มะเขือเทศ มะละกอ ผักพื้นบ้าน และเนื้อสัตว์ต่างๆ อาหารอีสานเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ในปัจจุบัน อาหารอีสานได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศ
10 เมนูอาหารอีสานบ้านๆ รสเด็ด แซ่บจนลืมไม่ลง
ก้อยเนื้อ
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ก้อยเนื้อ เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีลักษณะคล้ายกับลาบ แต่ใช้เนื้อดิบมาหั่นหรือสับละเอียด แล้วปรุงรสด้วยข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว และผักชีฝรั่ง นิยมรับประทานกับข้าวเหนียว หรือจิ้มกับผักสดต่างๆ ก้อยเนื้อมีรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน หอมกลิ่นข้าวคั่ว นิยมรับประทานเป็นกับแกล้ม หรืออาหารว่าง ในปัจจุบันก้อยเนื้อได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศ
วัตถุดิบในการทำก้อยเนื้อ ได้แก่
- เนื้อวัว 500 กรัม
- ข้าวคั่ว 4 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 6 ลูก
- ต้นหอมและผักชีซอย
วิธีทำก้อยเนื้อ
- นำเนื้อวัวมาหั่นหรือสับละเอียด
- ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว และหอมแดงซอยลงในชามผสม
- คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่ต้นหอมและผักชีซอย แล้วคลุกเคล้าอีกครั้ง
- ชิมรสตามชอบ
หมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
หมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยหมูย่างที่ย่างจนหอมกรุ่น นุ่มชุ่มฉ่ำ และน้ำจิ้มแจ่วที่รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หมูย่าง เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาคอีสาน นิยมใช้เนื้อหมูสันนอกหรือสันคอหมักกับเครื่องเทศต่างๆ เช่น กระเทียม พริกไทย เกลือ และน้ำตาล จากนั้นนำไปย่างจนสุก หอมกรุ่น นุ่มชุ่มฉ่ำ น้ำจิ้มแจ่ว เป็นน้ำจิ้มรสจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย และผักชีฝรั่ง นิยมรับประทานกับหมูย่าง ลาบ จิ้มแจ่ว ไก่ย่าง และอาหารอีสานอื่นๆ หมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว เป็น เมนูอาหารอีสานที่อร่อย กลมกล่อม และหารับประทานได้ง่าย เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว ได้แก่
- เนื้อหมูสันนอกหรือสันคอ 500 กรัม
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 2 หัว
- ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว
- หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว
- โขลกกระเทียม พริกไทย และเกลือให้เข้ากัน
- นำเนื้อหมูที่หั่นแล้วมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงที่โขลกไว้
- พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
- ย่างหมูบนเตาถ่านหรือเตาอบจนสุก
- ทำน้ำจิ้มแจ่วโดยผสมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย และผักชีฝรั่งให้เข้ากัน
- ราดน้ำจิ้มแจ่วบนหมูย่าง
- เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวหรือผักสดต่างๆ
ซุปหน่อไม้
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ซุปหน่อไม้ เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยหน่อไม้ที่ต้มจนนิ่ม หอมกลิ่นใบย่านาง และเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว และใบแมงลัก หน่อไม้ เป็นพืชท้องถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น ซุปหน่อไม้ ต้มแซ่บ ลาบหน่อไม้ และยำหน่อไม้ ใบย่านาง เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น แก้ร้อนใน ขับปัสสาวะ และบำรุงร่างกาย ซุปหน่อไม้เป็นเมนูที่อร่อย กลมกล่อม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำซุปหน่อไม้ ได้แก่
- หน่อไม้ต้ม 1 กิโลกรัม
- น้ำใบย่านาง 1 ลิตร
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบแมงลัก 1 ถ้วย
วิธีทำซุปหน่อไม้
- นำหน่อไม้ต้มมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ
- ตั้งหม้อใส่น้ำใบย่านาง ต้มจนเดือด
- ใส่หน่อไม้ต้มลงไปต้มต่อ
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น และข้าวคั่ว
- ใส่ใบแมงลักลงไป
- ปิดไฟ ยกลงจากเตา
- เสิร์ฟร้อนๆ
แหนมเห็ด
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
แหนมเห็ด เป็น อาหารพื้นเมือง ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีลักษณะคล้ายกับ แหนมหมู แต่ใช้เห็ดเป็นส่วนผสมหลักแทนเนื้อหมู นิยมรับประทานกับข้าวเหนียว หรือจิ้มกับผักสดต่างๆ แหนมเห็ดมีรสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นข้าวคั่วและสมุนไพร นิยมรับประทานเป็นกับแกล้ม หรืออาหารว่าง ในปัจจุบัน แหนมเห็ดได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศ
วัตถุดิบในการทำแหนมเห็ด ได้แก่
- เห็ดนางฟ้า 1 กิโลกรัม
- ข้าวเหนียวนึ่งสุก 100 กรัม
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 2 หัว
- ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำแหนมเห็ด
- นำเห็ดนางฟ้ามาล้างน้ำให้สะอาด ตัดโคน ฉีดเป็นเส้นเล็กๆ
- ห่อผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่งประมาณ 15 นาที จากนั้นพักให้เย็นสนิท ถ้ามีน้ำให้บีบออกให้พอแห้ง
- หุงข้าวเหนียวให้สุก ตักพักไว้ให้เย็นสนิท
- เตรียมกระเทียม พริกขี้หนู เกลือ น้ำตาลปี๊บ และข้าวคั่ว ปั่นให้ละเอียด
- เตรียมชามผสม ใส่เห็ดนึ่ง ใส่กระเทียมที่ปั่นไว้แล้ว ใส่ข้าวเหนียว ผสมให้เข้ากัน
- ใส่หอมแดงซอยและผักชีฝรั่งซอย แล้วคลุกเคล้าอีกครั้ง
- ใส่ถุงพลาสติก มัดให้แน่น ทิ้งไว้ประมาณ 1-3 วัน (ระยะเวลาในการพักไว้ ขึ้นอยู่กับความชอบรสชาติเปรี้ยวมากหรือเปรี้ยวน้อย)
แกงผักหวานไข่มดแดง
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
แกงผักหวานไข่มดแดง เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยผักหวานและไข่มดแดงที่ต้มจนสุก หอมกลิ่นเครื่องแกง และเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว และใบแมงลัก ผักหวาน เป็นผักพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น แกงผักหวานไข่มดแดง แกงผักหวานใส่ปลาย่าง แกงผักหวานใส่หมูยอ และแกงผักหวานใส่ปลาร้า ไข่มดแดง เป็นอาหารจากธรรมชาติที่มีรสชาติอร่อย นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น แกงผักหวานไข่มดแดง ไข่มดแดงทอดกระเทียม และไข่มดแดงอบ แกงผักหวานไข่มดแดงเป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำแกงผักหวานไข่มดแดง ได้แก่
- ผักหวาน 2 กำ
- ไข่มดแดง 100 กรัม
- พริกแห้ง 10 เม็ด
- กระเทียม 5 กลีบ
- หอมแดง 2 หัว
- ตะไคร้ซอย 1 ต้น
- กะปิ 1 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบแมงลัก 1 ถ้วย
วิธีทำแกงผักหวานไข่มดแดง
- ล้างผักหวานให้สะอาด หั่นเป็นท่อน
- ล้างไข่มดแดงให้สะอาด
- โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง และตะไคร้ให้เข้ากัน
- ตั้งหม้อใส่น้ำ ต้มจนเดือด
- ใส่เครื่องแกงลงไปผัดจนหอม
- ใส่ผักหวานลงไปผัด
- ใส่ไข่มดแดงลงไปผัด
- ปรุงรสด้วยกะปิ เกลือ น้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่ว
- ใส่ใบแมงลักลงไป
- ปิดไฟ ยกลงจากเตา
- เสิร์ฟร้อนๆ
ไส้ย่าง
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ไส้ย่าง เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยไส้หมูที่ย่างจนหอมกรุ่น นุ่มชุ่มฉ่ำ และน้ำจิ้มแจ่วที่รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ไส้ย่างนิยมใช้ไส้อ่อนหมูหมักกับเครื่องเทศต่างๆ เช่น กระเทียม พริกไทย เกลือ และน้ำตาล จากนั้นนำไปย่างจนสุก หอมกรุ่น นุ่มชุ่มฉ่ำ น้ำจิ้มแจ่ว เป็นน้ำจิ้มรสจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย และผักชีฝรั่ง นิยมรับประทานกับหมูย่าง ลาบ จิ้มแจ่ว ไก่ย่าง และอาหารอีสานอื่นๆ ไส้ย่าง เป็นเมนูที่อร่อย กลมกล่อม และหารับประทานได้ง่าย เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำไส้ย่าง ได้แก่
- ไส้อ่อนหมู 500 กรัม
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 2 หัว
- ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำไส้ย่าง
- หั่นไส้หมูเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว
- โขลกกระเทียม พริกไทย และเกลือให้เข้ากัน
- นำไส้หมูที่หั่นแล้วมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงที่โขลกไว้
- พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
- ย่างไส้หมูบนเตาถ่านหรือเตาอบจนสุก
- ทำน้ำจิ้มแจ่วโดยผสมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย และผักชีฝรั่งให้เข้ากัน
- ราดน้ำจิ้มแจ่วบนไส้ย่าง
- เสิร์ฟร้อนๆ
ตำไหลบัวกุ้งสด
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ตำไหลบัวกุ้งสด เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยไหลบัวที่ตำจนเป็นเส้นๆ กุ้งสดที่ปรุงรสแล้ว และเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกป่น ข้าวคั่ว และมะนาว ไหลบัว เป็นผักพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น ตำไหลบัวกุ้งสด แกงไหลบัว ยำไหลบัว และทอดไหลบัว กุ้งสด เป็นอาหารจากธรรมชาติที่มีรสชาติอร่อย นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น ตำไหลบัวกุ้งสด กุ้งเผา กุ้งอบ และกุ้งทอด ตำไหลบัวกุ้งสดเป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำตำไหลบัวกุ้งสด ได้แก่
- ไหลบัว 1 กิโลกรัม
- กุ้งสด 200 กรัม
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- มะนาว 4 ลูก
วิธีทำตำไหลบัวกุ้งสด
- นำไหลบัวมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นท่อน
- ล้างกุ้งสดให้สะอาด
- โขลกกระเทียม พริกขี้หนู และน้ำตาลปี๊บให้เข้ากัน
- ใส่กุ้งสดลงไปโขลกให้เข้ากัน
- ใส่น้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่วลงไป
- ใส่มะนาวลงไป
- ชิมรสตามชอบ
- ใส่ไหลบัวลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
ข้าวจี่
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ข้าวจี่ เป็น อาหารพื้นบ้านของภาคอีสาน และภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบด้วยข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้ว นำมาปั้นเป็นก้อนกลมหรือรีเสียบไม้นำไปย่างบนเตาถ่านหรือเตาอบจนสุก หอมกลิ่นข้าวคั่วและเครื่องเทศ นิยมรับประทานกับน้ำจิ้มแจ่วหรือน้ำพริก ข้าวจี่เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และหารับประทานได้ง่าย เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารเช้า
ส่วนผสมในการทำข้าวจี่ ได้แก่
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 กิโลกรัม
- น้ำร้อน 1 แก้ว (ใส่ในขณะนึ่งข้าวเหนียว)
- หัวกะทิ 250 มิลลิลิตร
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำข้าวจี่
- นำข้าวเหนียวมาซาวน้ำให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่งจนสุก
- ในระหว่างรอข้าวเหนียวสุก ให้นำหัวกะทิ เกลือป่น และน้ำร้อน ใส่ลงในหม้อ ต้มจนเดือด
- พอข้าวเหนียวสุกแล้ว ใส่หัวกะทิที่ต้มไว้ลงไป ผสมให้เข้ากัน
- ปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมหรือรีเสียบไม้
- ย่างข้าวจี่บนเตาถ่านหรือเตาอบจนสุก หอมกลิ่นข้าวคั่วและเครื่องเทศ
- เสิร์ฟร้อนๆ กับน้ำจิ้มแจ่วหรือน้ำพริก
ปลาส้มทอด
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ปลาส้มทอด เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยปลาส้มที่หมักจนได้ที่แล้วนำไปทอดจนสุกเหลือง กรอบนอกนุ่มใน นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวหรือจิ้มกับน้ำพริก ปลาส้ม เป็นปลาที่ผ่านการหมักด้วยเกลือ น้ำตาล และเครื่องเทศต่างๆ จนมีรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน นิยมนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น ปลาส้มทอด ลาบปลาส้ม แกงปลาส้ม และยำปลาส้ม ปลาส้มทอดเป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และหารับประทานได้ง่าย เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำปลาส้มทอด ได้แก่
- ปลาส้ม 1 ตัว
- แป้งทอดกรอบ 2-3 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำปลาส้มทอด
- นำปลาส้มมาล้างน้ำให้สะอาด
- ซับน้ำบนตัวปลาให้แห้ง
- คลุกเคล้าปลาส้มกับแป้งทอดกรอบ
- ชุบปลาส้มกับไข่ไก่
- ทอดปลาส้มในน้ำมันพืชจนสุกเหลือง
- สะเด็ดน้ำมัน
- เสิร์ฟร้อนๆ กับข้าวเหนียวหรือจิ้มกับน้ำพริก
ตับหวาน
รูปภาพจาก : https://www.pinterest.com/
ตับหวาน เป็นเมนูอาหารอีสานที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยตับหมูที่ปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย และผักชีฝรั่ง นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวหรือจิ้มกับผักสดต่างๆ ตับหวานเป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม และหารับประทานได้ง่าย เหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารหลักหรือกับแกล้ม
ส่วนผสมในการทำตับหวาน ได้แก่
- ตับหมู 300 กรัม
- หอมแดงซอย 1 หัว
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- มะนาว 1 ลูก
- ผักชีฝรั่งซอย
วิธีทำตับหวาน
- นำตับหมูมาล้างน้ำให้สะอาด
- ใส่ตับหมูลงในหม้อ เติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วม
- ตั้งไฟให้เดือด แล้วลดไฟลงให้อ่อน
- ต้มตับหมูจนสุก ประมาณ 10 นาที
- ตักตับหมูใส่ชามผสม
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกป่น ข้าวคั่ว และหอมแดงซอย
- คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- บีบมะนาวลงไป
- โรยผักชีฝรั่งซอย
- เสิร์ฟร้อนๆ
คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับเมนูอาหารอีสาน
อาหารอีสานเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หอมกลิ่นข้าวคั่วและเครื่องเทศ นิยมรับประทานกับข้าวเหนียวหรือผักสดต่างๆ อาหารอีสานเป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีวิวัฒนาการมาจากการผสมผสานของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาวอีสาน วัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบอาหารอีสานส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบพื้นบ้านที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น ข้าวเหนียว ปลา ผัก เห็ด ปลาร้า เป็นต้น นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว อาหารอีสานยังมีเสน่ห์อยู่ที่บรรยากาศในการรับประทาน ชาวอีสานนิยมรับประทานอาหารร่วมกันในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน รับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน หากคุณมีโอกาสได้ไปเยือนภาคอีสาน อย่าลืมลองลิ้มชิมรส อาหารอีสานแสนอร่อย รับรองว่าคุณจะติดใจอย่างแน่นอน
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูอีสาน
- หากต้องการรับประทาน อาหารอีสานแบบต้นตำรับ ควรเลือกรับประทานที่ร้านหรือร้านอาหารอีสานแท้ๆ
- อาหารอีสานบางเมนูอาจมีรสชาติที่เผ็ดมาก ควรรับประทานอย่างระมัดระวัง
- อาหารอีสานบางเมนูอาจมีรสชาติที่ไม่คุ้นเคย ควรชิมก่อนรับประทาน
- ผักสดเป็นสิ่งสำคัญในการรับประทานอาหารอีสาน ผักสดจะช่วยตัดเลี่ยนและให้รสชาติที่สดชื่น
