
10 เมนูของหวาน ง่ายๆ ทำกินเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องง้อคาเฟ่ !!
เมนูของหวาน แจก !! 10 ไอเดียการทำ เมนูของหวานง่ายๆ ฉบับทำเองได้ที่บ้าน ใครๆก็ทำได้ ใช้วัตถุดิบไม่เยอะ และไม่จำเป็นต้องใช้เตาอบ เอาใจสาวๆที่ชื่นชอบในการกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ และไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงค่าเฟ่ ก็ทำกินเองได้ง่ายๆที่บ้าน แถมยังเป็น เมนูขนมหวาน ที่มีหน้าตาที่สวยงามน่ารับประทานเสมือนกับว่าไปกินอยู่ที่คาเฟ่ ทำเสร็จแล้วถ่ายรูปอัพโชว์เพื่อนๆได้เลย รับรองว่าเมนู ของหวาน ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกันในวันนี้นั้น เป็น เมนูอาหาร ที่อร่อยและจะต้องกลับมาทำซ้ำอีกอย่างแน่นอน
เมนูของหวาน เป็นเมนูอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่ ?
เชื่อว่าหลายๆคน อาจจะยังไม่เคยได้รู้ว่า เมนูของหวานนั้นมีประโยชน์และข้อดีต่อร่างกายของคนเราอย่างไร หรือว่ามีแต่ข้อเสียอย่างเดียว ซึ่งต่อจากนี้เราจะมาแนะนำข้อดีของการรับประทานของหวาน ที่หลายๆท่านก็คงจะยังไม่รู้ว่าคืออะไร ทำไมหลายๆคนถึงชื่นชอบในการกินของหวานในทุกๆวัน ลองไปดูกันเลย
เมนูของหวานมีประโยชน์หลายประการ ดังนี้
- ช่วยเพิ่มพลังงาน น้ำตาลในของหวานเป็นแหล่งพลังงานที่รวดเร็ว ช่วยเติมเต็มพลังงานที่สูญเสียไประหว่างวัน
- ช่วยเพิ่มความสุข น้ำตาลในของหวานสามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข เช่น โดพามีน และเซโรโทนิน ซึ่งช่วยทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลาย
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ผลไม้บางชนิดที่มีรสหวาน เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และลูกพีช มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยป้องกันโรคบางชนิด การศึกษาบางชิ้นพบว่าการรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งบางชนิด
อย่างไรก็ตาม การรับประทาน เมนูอาหารหวาน มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น น้ำหนักตัวเพิ่ม ฟันผุ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ ดังนั้น จึงควรรับประทานของหวานในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกรับประทานของหวานที่ทำจากวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ
10 ไอเดียทำ เมนูของหวานง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องง้อเตาอบ!!
แพนเค้ก (Pancake) เป็น เมนูของหวานยอดฮิต และยังเป็นอาหารเช้ายอดนิยมในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังนิยมทานเป็นอาหารว่างหรือของหวานได้อีกด้วย แพนเค้กสามารถทานเปล่าๆ หรือราดด้วยน้ำผึ้ง ไซรัป ซอสช็อกโกแลต ผลไม้สด วิปครีม ไอศกรีม หรือท็อปปิ้งอื่นๆ ตามชอบ
ส่วนผสม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมสด 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ผสมแป้งสาลี ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือให้เข้ากัน
- ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน เติมนมสดลงไปทีละน้อย คนให้เข้ากัน
- ใส่เนยละลายและกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน
- ค่อยๆ เทส่วนผสมแป้งลงไปในส่วนผสมไข่ คนให้เข้ากัน ระวังอย่าคนมากจนเกินไป
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ทาเนยบางๆ ลงบนกระทะ
- เทแป้งแพนเค้กลงบนกระทะทีละแผ่น รอจนแป้งสุกด้านหนึ่ง กลับด้านแล้วทอดจนสุกอีกด้าน
- เสิร์ฟแพนเค้กร้อนๆ ราดด้วยน้ำผึ้ง ไซรัป เนย แยม หรือผลไม้ต่างๆ ตามชอบ
เฟรนช์โทส (French Toasts) เมนูของหวานสุดคลาสสิก เป็นขนมปังที่ชุบในส่วนผสมของไข่ นม และน้ำตาล แล้วนำไปทอดจนสุก มักเสิร์ฟพร้อมน้ำผึ้ง ไซรัป เนย หรือผลไม้ต่างๆ เฟรนช์โทสมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส คำว่า “French Toast” มาจากคำว่า “Pain Perdu” ซึ่งแปลว่า “ขนมปังชิ้นที่เสีย” เพราะว่าแต่เดิมนั้น เฟรนช์โทสทำจากขนมปังที่เหลือค้างคืน อีกทั้งยังเป็นอาหารเช้ายอดนิยมในหลายประเทศทั่วโลก ในประเทศไทย เฟรนช์โทสมักเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าในโรงแรมหรือร้านอาหารชั้นหรู แต่ปัจจุบัน เฟรนช์โทสสามารถหารับประทานได้ง่ายตามร้านเบเกอรี่ทั่วไป
ส่วนผสม
- ขนมปังแผ่น 8 แผ่น
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมสด 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
- เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ
- ตีไข่ไก่กับนมสด น้ำตาลทราย เนยละลาย และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากัน
- ใส่เกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
- ชุบขนมปังลงในส่วนผสมไข่ จนทั่วทุกด้าน
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่เนยลงไปจนละลาย
- วางขนมปังลงไปทอดจนสุกทั้งสองด้าน
- เสิร์ฟเฟรนช์โทสร้อนๆ ราดด้วยน้ำผึ้ง ไซรัป เนย หรือผลไม้ต่างๆ ตามชอบ
บานอฟฟี่พาย (Banoffee Pie) เป็นพายอังกฤษ ทำมาจากกล้วย, ครีม และ ทอฟฟี วางไว้บนฐานด้านล่างซึ่งทำจากบิสกิต และ เนย ในบางครั้งอาจมีการผสมช็อกโกแลต หรือ กาแฟ หรืออาจจะทั้งสองอย่างลงไปด้วย บานอฟฟี่พาย มีลักษณะเป็นพายที่มีฐานกรุบกรอบจากบิสกิต กล้วยหอมที่หอมหวาน และทอฟฟีที่เข้มข้น รสชาติเข้ากันได้ดี เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
ส่วนผสม
- บิสกิตบด 1 ถ้วย
- เนยละลาย 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
- ครีมเทียมข้นหวาน 1 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
- เกลือเล็กน้อย
- กล้วยหอมสุก 2 ลูก
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ทำฐานพาย โดยบดบิสกิตให้ละเอียด แล้วผสมกับเนยละลาย คนให้เข้ากัน กดส่วนผสมฐานพายลงบนถ้วยพาย
- ทำคาราเมล โดยต้มน้ำตาลทรายกับน้ำจนละลายเป็นคาราเมลสีเข้ม ใส่เนยละลายและกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น
- ราดคาราเมลลงบนฐานพาย
- เรียงกล้วยหอมหั่นชิ้นลงบนคาราเมล
- บีบวิปปิ้งครีมที่ตีจนตั้งยอดแข็ง ลงบนกล้วยหอม
- ตกแต่งด้วยกล้วยหอมหรือผลไม้อื่นๆ ตามชอบ
บลูเบอรี่ชีสเค้ก (Blueberry Cheesecake) เป็น เมนูของหวานยอดนิยม อีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นชีสเค้กที่มีฐานด้านล่างเป็นบิสกิตบดและเนยละลาย ด้านบนเป็นครีมชีสที่ตีจนเนียนนุ่ม และบลูเบอรี่ที่โรยหน้า รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมหวานจากบลูเบอรี่ บลูเบอรี่ชีสเค้ก นิยมเสิร์ฟเย็นๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมหวานจากบลูเบอรี่ เป็นขนมหวานที่เหมาะสำหรับทุกโอกาส
ส่วนผสม
- แครกเกอร์ 100 กรัม
- เนยละลาย 50 กรัม
- ครีมชีส 225 กรัม
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 30 กรัม
- บลูเบอรี่ 1 ถ้วย
วิธีทำ
- บดแครกเกอร์ให้ละเอียด
- ใส่เนยละลายลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- กดส่วนผสมแครกเกอร์ลงในพิมพ์ชีสเค้กขนาด 6 นิ้ว
- ตีครีมชีสกับน้ำตาลทรายจนเนียน
- ใส่ไข่ไก่ลงไปทีละฟอง ตีให้เข้ากัน
- ใส่น้ำมะนาวและแป้งเค้กลงไป คนให้เข้ากัน
- เทส่วนผสมชีสเค้กลงบนฐานแครกเกอร์
- โรยบลูเบอรี่ลงบนหน้าชีสเค้ก
- นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 50 นาที
- นำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็น
- แช่ตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนรับประทาน
วาฟเฟิล (Waffle) เป็นขนมที่ทำจากแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ และนม นำมาราดบนแผ่นเหล็กที่ร้อน ๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นลายตาราง วาฟเฟิลเป็น เมนูของหวานที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเบลเยียม วาฟเฟิลสามารถรับประทานได้ทั้งแบบคาวและหวาน โดยแบบคาวมักรับประทานคู่กับไส้กรอก แฮม หรือชีส ส่วนแบบหวานมักรับประทานคู่กับไอศกรีม ช็อคโกแลต หรือผลไม้
ส่วนผสม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมสด 1 ถ้วยตวง
- เนยละลาย 1/4 ถ้วยตวง
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- ตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนขึ้นฟู
- ใส่แป้ง ผงฟู และเกลือลงไป คนให้เข้ากัน
- ใส่นมสดและเนยละลายลงไป ผสมจนเข้ากัน
- ทาเนยบาง ๆ ลงบนเครื่องทำวาฟเฟิล
- เทส่วนผสมแป้งลงไปพอประมาณ
- อบวาฟเฟิลประมาณ 2-3 นาที หรือจนสุกเหลือง
- นำวาฟเฟิลออกจากเครื่องทำวาฟเฟิล รับประทานได้ทันที
ป๊อบคอร์นคาราเมล (Caramel Popcorn) เป็น เมนูของหวานที่ทำง่ายๆ และเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีลักษณะเป็นข้าวโพดคั่วเคลือบด้วยคาราเมลสีน้ำตาลเข้ม รสชาติหวานหอม กรอบอร่อย นิยมรับประทานเป็นของว่างหรือเป็นของทานเล่น วิธีทำป๊อบคอร์นคาราเมลมีหลากหลายสูตร แต่สูตรพื้นฐานที่นิยมทำกันส่วนใหญ่จะเป็นสูตรที่ประกอบด้วยส่วนผสมดังนี้
ส่วนผสม
- เมล็ดข้าวโพดคั่ว 1 ถ้วยตวง
- เนยเค็ม 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำ 1/4 ถ้วยตวง
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
- ต้มน้ำ น้ำตาลทราย และเกลือจนเดือด
- ใส่เนยเค็มลงไป คนจนละลาย
- ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน
- เทส่วนผสมคาราเมลลงไปบนป๊อปคอร์นคั่ว คนให้เข้ากัน
- เทป๊อปคอร์นคาราเมลใส่ถาด โรยด้วยถั่วหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ตามชอบ
- พักไว้จนคาราเมลแข็งตัว
คัสตาร์ดพุดดิ้ง (Custard Pudding) เป็น เมนูของหวานที่ทำจากไข่ น้ำตาล นม และเนย นำมาผสมจนได้เนื้อเนียนนุ่ม นำไปนึ่งหรืออบจนสุก คัสตาร์ดพุดดิ้งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ นิยมรับประทานเป็นของหวานหรืออาหารว่าง คัสตาร์ดพุดดิ้งสามารถรับประทานได้ทันที หรือตกแต่งด้วยผลไม้หรือซอสตามชอบ
คัสตาร์ดพุดดิ้งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ
- คัสตาร์ดพุดดิ้งแบบนึ่ง เป็นสูตรดั้งเดิมของคัสตาร์ดพุดดิ้ง นิยมใช้ถ้วยหรือพิมพ์ขนาดเล็ก ๆ ในการนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 30-45 นาที
- คัสตาร์ดพุดดิ้งแบบอบ เป็นสูตรที่พัฒนาขึ้นมาภายหลัง นิยมใช้ถ้วยหรือพิมพ์ขนาดกลางในการอบ ใช้เวลาอบประมาณ 30-45 นาที
ส่วนผสม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- นมสด 1 ถ้วยตวง
- เนยละลาย 1/4 ถ้วยตวง
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำคัสตาร์ดพุดดิ้งแบบนึ่ง
- ตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนขึ้นฟู
- ใส่นมสดและเนยละลายลงไป ผสมจนเข้ากัน
- ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน
- เทส่วนผสมคัสตาร์ดลงในถ้วยหรือพิมพ์ขนาดเล็ก ๆ
- นำไปนึ่งในน้ำเดือดจัดประมาณ 30-45 นาที หรือจนสุก
- นำคัสตาร์ดพุดดิ้งออกจากหม้อนึ่ง พักไว้ให้เย็น
วิธีทำคัสตาร์ดพุดดิ้งแบบอบ
- ตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนขึ้นฟู
- ใส่นมสดและเนยละลายลงไป ผสมจนเข้ากัน
- ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน
- เทส่วนผสมคัสตาร์ดลงในถ้วยหรือพิมพ์ขนาดกลาง
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-45 นาที หรือจนสุก
- นำคัสตาร์ดพุดดิ้งออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็น
เครปเค้ก (Crepe cake) เป็นขนมหวานที่ทำจากเครปหลาย ๆ ชั้น นำมาเรียงซ้อนกัน แล้วราดด้วยครีมหรือซอส ตกแต่งด้วยผลไม้หรือถั่วต่าง ๆ เครปเค้กมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส นิยมรับประทานเป็นของหวานในงานเลี้ยงสังสรรค์ เครปเค้กมีหลากหลายรสชาติ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของเครปและครีม เครปเค้กที่นิยมทำกันส่วนใหญ่จะเป็นรสชาติช็อกโกแลต วานิลลา กาแฟ และผลไม้
ส่วนผสม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมสด 1 ถ้วยตวง
- เนยละลาย 1/4 ถ้วยตวง
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนขึ้นฟู
- ใส่แป้งสาลี เกลือ และนมสดลงไป ผสมจนเข้ากัน
- ใส่เนยละลายและกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง ทาเนยบาง ๆ ลงบนกระทะ
- เทส่วนผสมแป้งลงไปบนกระทะบาง ๆ
- อบเครปประมาณ 1-2 นาที หรือจนสุกเหลือง
- ทำซ้ำขั้นตอนที่ 4-6 จนหมดแป้ง
โยเกิร์ตพาร์เฟ่ต์ (Yogurt Parfaits) เป็น เมนูของหวานที่ทำจากโยเกิร์ต ผลไม้ และส่วนผสมอื่น ๆ เช่น กราโนล่า คุกกี้ หรือผลไม้แห้ง นำมาจัดเรียงเป็นชั้น ๆ ในแก้วหรือถ้วย โยเกิร์ตพาร์เฟ่ต์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส นิยมรับประทานเป็นของหวานหรืออาหารว่าง โยเกิร์ตพาร์เฟ่ต์มีหลากหลายรสชาติ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโยเกิร์ตและผลไม้ โยเกิร์ตพาร์เฟ่ต์ที่นิยมทำกันส่วนใหญ่จะเป็นรสชาติธรรมชาติ วานิลลา ผลไม้ และช็อกโกแลต
ส่วนผสม
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยตวง
- ผลไม้สดตามชอบ
- กราโนล่าหรือคุกกี้ตามชอบ
วิธีทำ
- เตรียมแก้วหรือถ้วยสำหรับใส่โยเกิร์ตพาร์เฟ่ต์
- ใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติลงในแก้วหรือถ้วย
- ใส่ผลไม้สดตามชอบลงไป
- ใส่กราโนล่าหรือคุกกี้ตามชอบลงไป
- ทำซ้ำขั้นตอนที่ 3-4 จนหมดส่วนผสม
- นำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือจนเย็น
พานาคอตต้า (Panna Cotta) เป็น เมนูของหวานอิตาลี ชนิดหนึ่ง ทำจากครีมผสมน้ำตาล ทำให้ข้นด้วยเจลาติน แล้วนำไปหล่อแม่พิมพ์ อาจแต่งกลิ่นและรสส่วนผสมครีมด้วยรัม, กาแฟ, วานิลลา หรือสารแต่งกลิ่นรสอื่น ๆ ก็ได้ ขนมชนิดนี้มีหน้าตาเหมือนแครมการาแมล แต่มีรสชาติค่อนไปทางนมมากกว่า และมีเนื้อสัมผัสคล้ายวุ้นมากกว่าคล้ายแครมการาแมล พานาคอตต้ามักเสิร์ฟเป็นขนมหวานหลังอาหารเย็นหรืออาหารค่ำ ในปัจจุบัน พานาคอตต้าได้รับความนิยมไปทั่วโลก สามารถรับประทานคู่กับผลไม้หรือซอสตามชอบ เช่น ซอสสตรอว์เบอร์รี ซอสราสป์เบอร์รี หรือซอสช็อกโกแลต
ส่วนผสม
- เจลาติน 2 ช้อนชา
- น้ำเย็น 60 กรัม
- นมสด 120 กรัม
- วิปปิ้งครีม 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เกลือป่น ⅛ ช้อนชา
วิธีทำ
- นำเจลาตินไปแช่น้ำเย็นจนนิ่ม
- ตั้งหม้อต้ม ใส่วิปปิ้งครีม นมสด น้ำตาลทราย เกลือป่น และกลิ่นวานิลลาลงไป
- นำไปต้มด้วยไฟอ่อนจนเดือด
- ปิดไฟ ใส่เจลาตินที่นิ่มลงไป คนให้เข้ากัน
- เทส่วนผสมพานาคอตต้าลงในถ้วยหรือพิมพ์ขนาดเล็ก
- นำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือจนแข็งตัว
- นำพานาคอตต้าออกจากตู้เย็น รับประทานได้ทันที
คำแนะนำในการเริ่มต้นทำเมนูของหวาน สำหรับมือใหม่
การทำ เมนูของหวานสำหรับมือใหม่ นั้น สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- เลือกสูตรที่เหมาะกับระดับความชำนาญของตนเอง
สำหรับมือใหม่ ควรเลือกสูตรที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเป็นสูตรที่มีชื่อเสียงหรือได้รับความนิยมมากนัก เพียงแค่สูตรนั้นอร่อยและสามารถทำได้ไม่ยากก็เพียงพอแล้ว
- เตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบให้พร้อม
ก่อนเริ่มทำขนม ควรเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์และวัตถุดิบนั้นสะอาดและอยู่ในสภาพดี เพื่อป้องกันปัญหาระหว่างการทำขนม
- อ่านและทำความเข้าใจสูตรอย่างละเอียด
ก่อนเริ่มทำขนม ควรอ่านและทำความเข้าใจสูตรอย่างละเอียด เข้าใจขั้นตอนในการทำขนมแต่ละขั้นตอน เพื่อป้องกันการทำขนมผิดพลาด
- ปฏิบัติตามสูตรอย่างเคร่งครัด
เมื่อเริ่มทำขนม ควรปฏิบัติตามสูตรอย่างเคร่งครัด ไม่ควรดัดแปลงสูตรเองโดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการทำขนมผิดพลาด
- อย่ารีบร้อน
การทำขนมต้องใช้ความใจเย็น อย่ารีบร้อนหรือวู่วาม ค่อย ๆ ทำทีละขั้นตอนอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการทำขนมผิดพลาด
- ฝึกฝนบ่อย ๆ
การทำขนมต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ การฝึกฝนบ่อย ๆ จะช่วยให้มือใหม่ทำขนมได้ดีขึ้น รสชาติอร่อยขึ้น และตกแต่งขนมได้สวยงาม
#เมนูของหวาน #10ไอเดียทำเมนูของหวาน #รีวิวเมนูของหวาน #แนะนำเมนูของหวาน #บอกต่อเมนูของหวาน #เมนูของหวานยอดฮิต #เมนูของหวานยอดนิยม #เมนูของหวาน2023 #เมนูของหวานทำง่ายๆ #เมนูของหวานในคาเฟ่ #เมนูของหวานง่ายๆ #เมนูขนมหวาน #รีวิวเมนูขนมหวาน #เมนูขนมหวานในคาเฟ่ #เมนูขนมหวานง่ายๆ #แนะนำเมนูขนมหวาน #เมนูขนมหวานยอดฮิต #เมนูขนมหวานใน7-11 #เมนูขนมหวานทำเอง #เมนูของหวานไม่ต้องใช้เตาอบ